ประวัติโจ๊กปริศนา
โจ๊กปริศนา มีจุดกำเนิดเกิดขึ้นครั้งแรกที่กรุงเทพมหานครประมาณสมัยรัชกาลที่ ๔ หรือต้นรัชการที่ ๕ในรูปแบบของ โคลงทาย หรือการถามด้วยปริศนาทีขึ้นต้นด้วยคำว่า อะไรเอ่ย.. คล้ายกับการเล่น ผะหมี ของจีนจนกระทั่งมาพัฒนาเป็น ปริศนากวี ที่จังหวัดชลบุรีเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๕๘ แต่ชาวบ้านเรียกกันสั้น ๆ ว่า โจ๊ก
การเล่นทาย โจ๊ก ได้เข้ามาสู่อำเภอพนัสนิคมโดยครูประภัศร์ จันทน์พยอม ด้วยการสนับสนุนของพระเดชพระคุณท่านพระธรรมโกศาจารย์ราชบัณฑิต (ชอบ จันทน์พยอม) อดีตเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๖ จนปัจจุบันกลายมาเป็น โจ๊กปริศนาของดีเมืองพนัส ที่นิยมแพรหลายไปทั่วทั้งในพนัสนิคม อำเภอใกล้เคียงและจังหวัดต่าง ๆ เกือบทั่วทุกภาคของประเทศด้วยการรวมกันก่อตั้ง ชมรมโจ๊กพนัสนิคม ขึ้นมาเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๑๕ ตรงกับวันสุนทรภู่บรมครูยอดกวีเอกของโลก ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๐ คณะกรรมการชมรมโจ๊กฯมีมติให้เปลี่ยนชื่อเป็น ชมรมโจ๊กปริศนาพนัสนิคม โดยมีเจตนารมณ์ ๓ ประการใหญ่ ๆ คือ
- อนุรักษ์การละเล่นทายโจ๊กปริศนาไว้มิให้สาบสูญ
- พัฒนาปรับปรุงรูปแบบวิธีการเล่นทายโจ๊กปริศนาให้ดีกว่าเดิม
- เผยแพร่การละเล่นทายโจ๊กปริศนาให้เป็นที่แพร่หลายในประเทศ.
ก่อนจะมาเป็น โจ๊กปริศนา
การเล่นทายปริศนาเป็นการเล่นเพื่อทดลองภูมิปัญญาซึ่งกันและกัน เป็นการเล่นที่ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ฝึกให้ผู้เล่นรู้จักใช้ความสังเกต ความคิด และเชาวน์ปัญญาในการแก้ปัญหา การเล่นปริศนาของไทยนั้นได้แก่ ปริศนา อะไรเอ่ย ตัวอย่างเช่น
อะไรเอ่ย ต้นเท่าครกใบปรกดิน……………………………………..คำเฉลยคือ ตะไคร้
อะไรเอ่ย ต้นเท่าแขนใบแล่นเสี้ยว ต้นเท่าขาใบวาเดียว………..คำเฉลยคือ อ้อย / กล้วย
อะไรเอ่ย สูงเทียมฟ้า ต่ำกว่าหญ้านิดเดียว…………………………คำเฉลยคือ ภูเขา
อะไรเอ่ย หีบขาวใส่ผ้าเหลือง คนทั้งเมืองไขไม่ออก…………….คำเฉลยคือ ไข่
การเล่นทายปริศนาเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธมกุฎราชกุมาร เป็นการเล่นทายปริศนาที่เรียกว่า ผะหมี คำว่า ผะหมี เป็นคำภาษาจีน ผะ แปลว่า ตี หมี แปลว่า คำ
อำพราง ผะหมี ก็คือ การแก้ปัญหาหรือการตีคำอำพรางให้แจ้ง การเล่นผะหมีนี้แพร่หลายในหมู่นักปราชญ์ราชบัณฑิตและกวีในประเทศจีน การเล่นชนิดนี้เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า เต็งหมี คำว่า เต็ง แปลว่า สว่าง หรือโคม เต็งหมี ก็หมายถึงแสงสว่างหรือโคมส่องให้เห็นคำที่อำพรางไว้นั่นเอง
ความนิยมในการเล่นผะหมีนั้นมีมากและแพร่หลายไปในจังหวัดต่างๆ เช่น นครสวรรค์ราชบุรี ลพบุรี เชียงใหม่ สมุทรปราการ และจังหวัดทางภาคตะวันออกทั้งหมด โดยเฉพาะที่จังหวัดชลบุรีนิยมเล่นกันมาก แต่ไม่ได้เรียกการเล่นปริศนาชนิดนี้ว่า ผะหมี ชาวชลบุรีจะเรียกกันว่า ปริศนากวี เกิดขึ้นประมาณ พ.ศ. 2458 ต่อมาจึงเรียกว่า โจ๊ก
![](https://www.phanatnikhomcity.com/wp-content/uploads/2019/08/159179.jpg)
โจ๊ก เป็นการเล่นทายปริศนาประเภทลายลักษณ์ โดยแต่งคำทายให้เป็นร้อยกรองประเภทต่างๆ คือ โคลง ฉันท์ กาพย์ และกลอน ปริศนาเหล่านี้จะมีคำตอบเป็นชุดเรียกว่า
ธงโจ๊ก แต่โจ๊กอีกประเภทหนึ่งมีลักษณะพิเศษ มักจะวาดเป็นรูปภาพปริศนา อาจมีคำถามสั้นๆ เช่น อะไรเอ่ย ใคร ที่ไหน มักจะเรียกโจ๊กชนิดนี้ว่า โจ๊กภาพ
นายสมดุลย์ ทำเนาว์ สันนิษฐานเพิ่มเติมว่า การเล่นทายโจ๊กปริศนานั้นอยู่ในช่วงเวลาระหว่างรัชกาลที่ 4-6 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทในภาษาไทยเป็นอย่างมาก ชาวชลบุรีก็อาจจะเป็นพวกหนึ่งที่พยายามนำเอาภาษาอังกฤษมาใช้ทำให้ปริศนาที่เดิมเรียกว่า ผะหมี เปลี่ยนมาเป็น โจ๊ก เพื่อให้โก้ขึ้นกว่าเดิม และเรียกมาจนทุกวันนี้ ดังนั้นคำว่า โจ๊ก ในจังหวัดชลบุรีจึงมีมากถึง 4 ความหมาย คือ
- ตลกขบขัน
- ข้าวต้มเหลว
- บอกอาการเหลวของน้ำ เช่น น้ำเหลวโจ๊ก
- ทายโจ๊ก คือ การทายปริศนาคำประพันธ์ที่มีการเล่นกันทั่วจังหวัดชลบุรี
นายประสิทธิ์ ประสิว. ชมรมโจ๊กปริศนาพนัสนิคม เขียนคำจำกัดความหมายของคำว่า โจ๊ก เป็นคำกลอนสุภาพ ดังนี้
โจ๊ก มิใช่หมายถึงซึ่งข้าวต้ม ที่นิยมผสมไก่หมูไข่ขิง
โจ๊ก มิใช่ไพ่โจ๊กโป๊กเกอร์จริง หรือเป็น?โจ๊ก?ตลกยิ่งอิงคะนอง
แต่ โจ๊ก คือปริศนาภาษาศิลป์ กลั่นกรองรินหลั่งหลากจากสมอง
แฝงเงื่อนงำคำทายในร้อยกรอง เป็นการลองปัญญาภาษาไทย
จึงพอสรุปได้ว่า โจ๊ก คือ ปริศนาคำประพันธ์ของไทยที่มีความหมายตามรูปแบบประเพณีการเล่นที่วางไว้ตายตัวตามความนิยมของท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี
โจ๊กปริศนาเมืองชล แบ่งออกเป็นประเภท ๆ และแต่ละประเภทนี้ยังแบ่งออกเป็นประเภทย่อย ๆ ลงไปอีกประเภทละหลาย ๆ อย่างก็มี เราจึงเรียก “ประเภท” ว่า ” แบบ” เรียกประเภทย่อย ๆ ว่า “อย่าง” เพื่อให้ผู้เล่นที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และชาวบ้านได้เข้าใจตรงกันอย่างง่่าย ๆ
การแยก “แบบ” ของการทายโจ๊กปริศนาออกเป็นชนิดต่าง ๆ มากกว่า ๑๑ ชนิดของจังหวัดชลบุรีนั้นต้องอาศัย “คำตอบ” หรือ “คำเฉลย” เป็นหลัก เดิมเรียกว่า “ธง” เมื่อผู้เล่นทายผิดแบบ “นายโจ๊ก” จะบอกว่า “ผิดธง” ดังนั้น ผู้ที่จะเขียนโจ๊กปริศนาลงในแผ่นกระดาษออกมาแขวนบนเส้นลวดให้คนเล่นทายกันได้จะต้องมีครามรู้เรื่อง “แบบ” หรือ “ธง” ของโจ๊กปริศนาให้ถ่องแท้เสียก่อน ส่วนคนทายก็มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ยิ่งมีความรู้เรื่องเทคนิควิธีการของผู้ตั้งปริศนามากเท่าใดก็ย่อมจะคิดค้นหาคำตอบได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น ต่างกันอยู่แต่เพียงว่า คนสร้างปริศนาจนลอกลงแผ่นกระดาษออกมาติดให้คนทายได้นั้นผิดพลาดไม่ได้ ทั้งภาษาไทยที่นำมาเขียนเป็นคำประพันธ์และสำเนียงของภาษาต่าง ๆ ที่นำมาตั้งเป็นคำตอบเพราะถือว่า “นายโจ๊ก” เป็นผู้ที่มีความรู้ดีกว่าคน “ทายโจ๊ก”
ขอบคุณข้อมูลจาก ชมรมโจ๊กพนัสนิคม